คุณลิซ่าได้มาออกรายการสัมภาษณ์ของคุณวู้ดดี้ และมีหลายอย่างที่พิเศษกว่าสัมภาษณ์ทั่วไปโดยเฉพาะเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของคุณลิซ่า เช่น คอมเม้นต์ลบที่มาต่องานของเธอและมีซาแซงติดตามแบบหลอนๆ
เรามักจะคุ้นเคยกับคุณลิซ่าที่มีบุคลิกยิ้มแย้มร่าเริงและสดใสตลอดเวลาและมีพลังเหลือล้น แต่จะมีสองช่วงที่มีอารมณ์และภาษากายแตกต่างออกไปและผมคิดว่าน่าสนใจที่จะนำมาเป็นเคสศึกษาภาษากาย โดยมีทั้งหมด 2 ส่วน
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้อันเป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชนในการเรียนรู้ศาสตร์ภาษากาย (Non-verbal communication / Body Language ) อันได้แก่ข้อมูลที่สื่อสารออกมาจากมนุษย์ทุกอย่างนอกเหนือจากคำพูดทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว (Concious / Unconcious) จึงเป็นชุดของข้อมูล (Information) ทางพฤติกรรมศาสตร์และจิตวิทยาที่สำคัญอันสามารถนำไปประยุกต์ตีความฐานะผู้สังเกตการณ์ และนำไปประเมินกับเหตุการณ์ที่ปรากฏอย่างไรเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อตัดสินสิ่งใด : ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์
เริ่มที่ส่วนแรกก่อนนะครับ


ตั้งแต่นาที 15:25 คุณลิซ่าพูดว่า
“เขา(คนที่โพส bad comment) ไม่รู้หรอกว่า มันหนัก มันเครียด มันมีความกดดัน มันหลายอย่างมากๆ คะ”
ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่พูดประโยคข้างต้น จะพบสีหน้า (Facial expression) ของอารมณ์เสียใจ (Sadness) ปรากฏขึ้นมาตามภาพข้างต้น
ถ้าอธิบายตามการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้าและความสัมพันธ์ของมันต่ออารมณ์ประเภทต่างๆ อารมณ์เสียใจจะเป็นการหดตัวของกล้ามเนื้อใบหน้าหลายมัด ได้แก่ Frontalis ส่วน pars medialis , Depressor glabellae depressor supercill , corrugator และ Depressor Anguli Oris ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลให้หัวคิ้วด้านในชี้ขึ้น (Inner brow raised) หางคิ้วตก (Brow lower) และ มุมปากตก (Lip corner pulled down)
ในเคสนี้อาจจะสังเกตยากเพราะเกิดเพียงชั่วครู่เดียวสั้นๆ โดยต้องสังเกตซ้ำๆ ในวิดีโอเท่านั้น และยากมากที่จะสังเกตุในสถานการณ์จริง อีกทั้ง intensity ของ Sadness อาจจะไม่รุนแรงมาก

จังหวะถัดมา ผมคิดว่าคุณวุดดี้คงสังเกตุได้ในน้ำเสียงและอารมณ์เศร้าที่กำลังก่อตัวกับอีกฝ่าย คุณวุดดี้จึงตัดบทไว้ตรงนั้นและไม่ลงลึกอะไรต่อ อาจจะเพราะถ้าลงลึก หรือ ถามจี้ลงไปในประเด็นความเห็นลบที่คุณลิซ่าเผชิญอยู่อาจจะทำให้คุณลิซ่าเสียใจและอาจจะร้องไห้ได้ ซึ่งผลที่ตามมาคงทำให้บรรยากาศการสัมภาษณ์ผิดจากที่ตั้งใจไว้
คุณวุดดี้ยกมือขึ้นมาจับกับคุณลิซ่าเพื่ออวยพรและให้กำลังใจในลักษณะที่น่ารักและอบอุ่น ในจังหวะนี้ผมคิดว่าคุณวุดดี้สามารถ Connect ได้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ไวและยังสามารถ Control สถานการณ์ได้อย่างอย่างมืออาชีพและมีศิลปะ ช้อตนี้ผมคิดว่าสามารถนำไปเป็นตัวอย่างในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ที่ดีมากๆได้เลย
ส่วนที่สองเป็นช่วงที่คุณลิซ่าพูดถึงซาแซง

นาที 23:20 คุณลิซ่าพูดว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ว่าควรรู้สึกยังไง”
ส่วนตัวผมคิดว่าการที่คุณลิซ่ากล่าวเช่นนั้นอาจจะเพราะอยู่ในอารมณ์ช็อก และเป็นอารมณ์ที่เธอไม่คุ้นเคยมาก่อน ซึ่งแตกต่างจากอารมณ์หลักทั่วไปประเภท ดีใจ เสียใจ เศร้า ตื่นเต้น โกรธ เกลียด และ กลัว ซึ่งเป็นอารมณ์พื้นฐาน
เปรียบเทียบเหมือนเราไปเที่ยวต่างประเทศและไปทานอาหารบางอย่างที่มีรสชาติที่เราไม่เคยทานมาก่อน ความแปลกประหลาดที่เรารับรู้ครั้งแรกผ่านต่อมรับรสที่ลิ้นไปถึงการแปรผลในเซลสมองอาจจะบรรยายเป็นคำพูดได้ยากเพราะไม่สามารถเทียบเคียงกับรสชาติอาหารที่เคยทานมา อารมณ์และความรู้สึกหลายครั้งมันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด
คุณลิซ่ากำลังเผชิญสถานการณ์ใหม่ ซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนัก เธอยังต้องปรับตัว ปรับความคิดและปรับอารมณ์กับมันอยู่

ในนาทีนี้เธอกำลังบรรยายถึงความหวาดกลัวที่เธอมีต่อซาแซง ผมอยากให้สังเกตมือทั้งสองข้างของเธอที่อยู่ในท่ากอดต้นแขนทั้งสองข้าง ท่านี้บ่งบอกว่าเธอรู้สึกกลัว ทั้งนี้เป็นไปได้เสมอว่ามีความหมายอย่างอื่น เช่นอากาศในห้องสัมภาษณ์เย็นจนเธอรู้สึกอยากเอามือขึ้นมากอดแขน แต่ถ้าพิจารณาจากบริบทพูดผมคิดว่าน่าจะสื่อสิ่งที่เธอกำลังพูดถึงมากกว่า และเมื่อภาษาพูดและภาษากายสอดคล้องกัน เราจึงมีแนวโน้มเชื่อได้ว่าเธอรู้สึกอย่างที่เธอพูดจริงๆ คือคุณลิซ่ารู้สึกหวาดหวานและกลัวซาแซงค่อนข้างมาก
ขอให้สนุกกับการเรียนรู้
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์ (หมอมด)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น สถานการณ์อ้างอิงเพื่อใช้ในการสอนจะคัดเลือกมาจากหลายวงการ เช่น นักการเมือง นักแสดง นักร้อง นักกีฬา นักธุรกิจ และบุคคลสาธารณะที่ปรากฎในสื่อสาธารณะ เช่น ข่าว รายการโทรทัศน์ งานแถลงข่าว สัมภาษณ์ รายการในยูทูป (youtube)ทั้งในและต่างประเทศ การตีความและอธิบายภาษากายทุกอย่างเพื่อการเรียนรู้และแสดงผ่านมุมมองของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์เหล่านั้นเท่านั้น และไม่มีจุดประสงค์เพื่อหวังประโยชน์ด้านการเมือง หรือเพื่อละเมิดกับบุคคลใด กลุ่มการเมือง หรือ ศาสนาใด ทั้งสิ้น