ตั้งแต่ข่าวสงครามยูเครนกับรัสเซียตลอด 1 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศก็คิดหนักถึงการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศรัสเซีย
แต่วันนี้ที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน เราเหมือนจะมีนโยบายที่แตกต่างกับหลายประเทศ ถึงขั้นคุณเศรษฐายังชักชวนคุณปูตินให้มาเยี่ยมเมืองไทยในระหว่างที่หลายประเทศยังไม่ต้อนรับคุณปูตินเข้าประเทศจากประเด็นการก่อสงคราม
ในเคสนี้มีความน่าสนใจของภาษากายของผู้นำที่มาพบกัน เราลองมาศึกษาท่าทางการนั่ง การแสดงออกต่างๆ ว่ามีอะไรให้น่าเรียนรู้กันบ้าง
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้อันเป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชนในการเรียนรู้ศาสตร์ภาษากาย (Non-verbal communication / Body Language ) อันได้แก่ข้อมูลที่สื่อสารออกมาจากมนุษย์ทุกอย่างนอกเหนือจากคำพูดทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว (Concious / Unconcious) จึงเป็นชุดของข้อมูล (Information) ทางพฤติกรรมศาสตร์และจิตวิทยาที่สำคัญอันสามารถนำไปประยุกต์ตีความฐานะผู้สังเกตการณ์ และนำไปประเมินกับเหตุการณ์ที่ปรากฏอย่างไรเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อตัดสินสิ่งใด
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์
เนื่องจากเคสนี้ในโลก Social มีนักวิเคราะห์ท่านหนึ่งได้ทำบทวิเคราะห์ไว้แล้ว คือ คุณ Jacek Wachowiak ซึ่งมีความละเอียดและครบถ้วน ผมจึงไม่วิเคราะห์ในส่วนใดๆ ที่ซ้ำกับเขาในบทความนี้ (ท่านใดอยากอ่านดูได้ในลิ้งนี้)
ในบทความนี้ผมจะพูดถึงการวิเคราะห์ภาษากายในสองแง่มุมในกรณีที่เราเห็นในเคสคุณเศรษฐา ทวีสิน คือ ภาษากายที่ตั้งใจแสดงออกมา และภาษากายที่ไม่ได้ตั้งใจให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
ทำไมถึงมีสองแบบ สองแง่มุม ?
ดังที่ผมอธิบายมาตลอดว่าภาษากายคือการสื่อสารที่มนุษย์เราตั้งใจ และไม่ตั้งใจแสดงออกมา ผมขอยกตัวอย่าง
วันนี้คุณกำลังจะขึ้นพูดหน้าเวทีต่อหน้าคนนับร้อย และเป็นบรรยากาศที่คุณไม่ชอบและกลัวการพูดในที่สาธารณะ เพราะคุณอายที่คุณพูดไม่เก่งและจะทำให้คุณเสียภาพลักษณ์ คุณพยายามข่มใจและปลุกให้ตัวเองรู้สึกกล้าและพยายามทำให้ตัวเองดูมั่นใจเพราะคุณก็ไม่อยากให้คนดูเขารู้สึกตลกขบขันว่าคุณสั่นอยู่บนเวทีเหมือนเด็กน้อย ภาษากายต่างๆ ที่คุณพยายามแสดงออกก็คือพยายามแสดงให้เห็นความมั่นใจ เช่น การพูดเสียงดังฟังชัด ท่าทีที่ขึงขัง คุณหายใจลึกๆเข้าเต็มปอด เป็นต้น
ทั้งนี้ภาษากายที่คุณไม่ตั้งใจจะแสดงออกมาก็เกิดขึ้นตามอารมณ์ในขณะนั้น เช่น คุณไม่สามารถสลัดความกลัวได้หมด และยังคงมีความรู้สึกกลัวและประหม่า กับสายตานับร้อยที่จ้องมอง และสีหน้าสารพัดแบบที่แสดงออกมา ฝ่ามือคุณจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อรวมไปถึงแผ่นหลังทั้งที่แอร์ในห้องเย็น 23 องศา ขาจะเริ่มสั่น จะปากสั่นจนทำให้คุณต้องเกร็งปากจู๋ หรือแอบกัดลิ้นตัวเองเพื่อสะกดร่างกายให้นิ่งและมีสติ การกระพริบตาของคุณสูงขึ้นเกือบ 10 เท่าจากสภาวะปกติโดยที่ไม่รู้ตัว รวมไปถึงอัตราการเต้นของหัวใจ
ภาษากายในส่วนหลังที่ผมกล่าวเป็นส่วนที่เกิดอย่างอัตโนมัติ คุณห้ามมันไม่ให้เกิดไม่ได้แม้คุณไม่ต้องการแสดงมันออกมาแต่คุณบังคับมันไม่ได้ เพราะมันแปรผันตรงกับอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตใจในชั่วขณะนั้น ดังที่ว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าภาษากายที่แสดงออกมาล้วนเป็นผลลัพธ์โดยรวมของสิ่งที่เรา “ตั้งใจแสดงออกมา” (ความมั่นใจ) และ “สิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจแสดงออกมา” (ความประหม่า ความตื่นเต้นและความกลัว) ในการศึกษาและวิเคราะห์ภาษากายเราจะสามารถเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรากฎออกมาในแต่ละบุคคลและสามารถวิเคราะห์และตีความมันออกมาได้ถึงความคิด และความรู้สึกสึกที่แท้จริงของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
กรณีคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่นั่งกับคุณปูติน
สิ่งที่คุณเศรษฐา “ตั้งใจ” คือการแสดงการให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยการนั่งในท่าทางที่ดูสุภาพและเรียบร้อย โดยการหดแขน หดขา เข้าหาลำตัวแม้แต่มือก็ประสานกันไว้ นอกจากนั้นคุณเศรษฐายังพยายามให้ความสนใจแก่อีกฝ่ายด้วยการโน้มตัวไปข้างหน้า รวมถึงปลายเท้าและเข่าก็ไปในทิศทางนั้น เป็นความตั้งใจที่ให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า “ฉันสนใจเธอนะ” หรือ “ฉันให้ความสำคัญกับคุณ” หรือ “ฉันให้เกียรติคุณ” โดยรวมทั้งหมดอธิบายได้ว่าคุณเศรษฐา “ให้เกียรติ” คุณปูติน ด้วยท่าทีที่เรียบร้อย และสุภาพ รวบขาเก็บไม้เก็บมือในลักษณะแทบจะคล้ายการนับพับเพียบก็ไม่ผิด
แต่ในส่วนที่เขา “ไม่ได้ตั้งใจจะแสดงออกมา” ก็มีทั้งที่แยกและทับซ้อนกับสิ่งที่ตั้งใจ
ในทางภาษากาย ท่านั่งของคุณเศรษฐาจัดเป็นแนว Beta-posture คือดูขาดความมั่นใจ ขาดสง่าราศีเสมือนการวางตัวให้อยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าอีกฝ่าย เป็นท่านั่งของบ่าวที่นั่งต่อหน้านาย หรือ นักเรียนนั่งต่อหน้าอาจารย์ผู้ใหญ่ที่จะต้องวางตัวให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว สยบยอมต่ออำนาจและสถานะของอีกฝ่าย
ในสิ่งที่คณเศรษฐา ไม่ตั้งใจจะแสดงออกมามีอีกหลายภาษากาย ดังที่คุณ Jacek Wachowiak อธิบายไป เช่น การใช้มือดึงถุงเท้า จับกระดาษ/ปากกาแบบไม่มีเหตุผล ท่าทางลุกลี้ลุกล้น มองไปรอบตัวแม้แต่กำแพงทางด้านซ้าย(ที่ไม่มีคน) แสดงถึงความตื่นเต้น หรือ alert ในระดับที่สูง คุณเศรษฐาไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้เพราะตื่นเต้นจากอะดรินาลีนที่หลั่งออกมา สิ่งนี้ชัดเจนในระดับที่แม้คนที่ไม่เคยศึกษาภาษากายก็สามารถสังเกตเห็นและรับรู้ได้
สรุป
ภาษากายที่เราเห็นคือสิ่งที่ผสมผสานระหว่างสิ่งที่ตั้งใจอยากกระทำออกมา และสิ่งที่แสดงออกมาอันเป็นผลสืบเนื่องของอารมณ์และจิตใจที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจ
เคสนี้เราจึงเรียนรู้ได้หลายอย่างในแง่มุมของภาษากายว่ามีความซับซ้อนและสามารถพิจารณาเป็นส่วนๆ ได้อย่างไร
ในส่วนของคุณเศรษฐา ทวีสิน ผมคิดว่าเขาควรต้องเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของภาษากายให้มากยิ่งขึ้น เพราะสิ่งที่แสดงออกมาไม่ได้ส่งภาพลักษณ์ที่ดีแก่ตัวท่านเอง โดยเฉพาะบทบาทที่ท่านแบกไว้ในฐานะผู้นำประเทศ
ทั้งนี้เส้นทางการดำรงตำแหน่งในฐานะนายกของเขาเพิ่งเริ่มต้นไม่กี่เดือน เราอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงในโอกาสอื่นๆ ต่อไป
ขอให้สนุกกับการเรียนรู้นะครับ
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์ (หมอมด)
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น สถานการณ์อ้างอิงเพื่อใช้ในการสอนจะคัดเลือกมาจากหลายวงการ เช่น นักการเมือง นักแสดง นักร้อง นักกีฬา นักธุรกิจ และบุคคลสาธารณะที่ปรากฎในสื่อสาธารณะ เช่น ข่าว รายการโทรทัศน์ งานแถลงข่าว สัมภาษณ์ รายการในยูทูป (youtube)ทั้งในและต่างประเทศ การตีความและอธิบายภาษากายทุกอย่างเพื่อการเรียนรู้และแสดงผ่านมุมมองของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์เหล่านั้นเท่านั้น และไม่มีจุดประสงค์เพื่อหวังประโยชน์ด้านการเมือง หรือเพื่อละเมิดกับบุคคลใด กลุ่มการเมือง หรือ ศาสนาใด ทั้งสิ้น