คุณนิกกี้ ณฉัตร และคุณก้อย อรัชพร ตัดสินใจแถลงอย่างเป็นทางการว่าได้เลิกกันในฐานะแฟน และคงอยากให้ผู้ที่ติดตามหรือแฟนคลับไม่เกิดการเข้าใจผิด โดยทั้งคู่ยืนยันว่า “เลิกกันด้วยดี”
ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป ถ้าจะยุติความสัมพันธ์ (เลิกคบ / เลิกเป็นแฟน) จะถือเป็นเรื่องส่วนตัวและแทบไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องประกาศให้ใครมารับรู้
แต่พอเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักในสังคมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะที่เจ้าตัวทำอาชีพที่พึ่งพาอาศัยความสนใจของประชาชนในการหารายได้หรือเพื่อประกอบอาชีพ ก็อาจจะต้องเปิดเผยเรื่องส่วนตัวมากกว่าบุคคลประเภทอื่น เพราะเรื่องบางอย่างโดยเฉพาะที่มีความอ่อนไหวถ้าขาดความชัดเจนอาจถูกตีความหรือทำให้เข้าใจผิดง่าย และส่งผลเสียต่อชื่อเสียงในระยะยาว เราจึงเห็นการแถลงการณ์เพื่อความชัดเจน เช่นในตัวอย่างของกรณีนี้
VDO ชุดนี้มีส่วนของภาษากายที่น่าเรียนรู้ เหมาะสำหรับหลายท่านที่เริ่มสนใจศึกษาภาษากาย ผมจะขอดึงแค่บางส่วนของ VDO เอามาศึกษานะครับ
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้อันเป็นประโยชน์ให้แก่ประชาชนในการเรียนรู้ศาสตร์ภาษากาย (Non-verbral communication / Body Language ) อันได้แก่ข้อมูลที่สื่อสารออกมาจากมนุษย์ทุกอย่างนอกเหนือจากคำพูดทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว (Concious / Unconcious) จึงเป็นชุดของข้อมูล (Information) ทางพฤติกรรมศาสตร์และจิตวิทยาที่สำคัญอันสามารถนำไปประยุกต์ตีความฐานะผู้สังเกตการณ์ และนำไปประเมินกับเหตุการณ์ที่ปรากฏอย่างไรเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อตัดสินสิ่งใด
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์
นาที 0:04 ช่วงที่ผู้กำกับ VDO นับถอยหลัง จะพบคุณนิกกี้เอาหมาขึ้นมาอุ้มบนตัก
ถ้ามองในแง่ของ “ความเหมาะสม” ก็น่าคิดว่าคุณนิกกี้มีความจริงจังหรือตั้งใจที่จะมาสื่อสารแค่ไหน ? เขาควรโฟกัสกับคุณก้อยและผู้ฟังมากกว่าหรือไม่ ? และหมาค่อนข้างรบกวนสายตา (Distraction) ของผู้ที่กำลังดู VDO
คุณนิกกี้อุ้มและลูบหมาในลักษณะเช่นนี้เกือบตลอดเวลาที่แถลงข่าว จริงอยู่ว่าการเอาสิ่งของ หรือ สิ่งมีชีวิต มากอดแนบลำตัวนั้นโดยผิวเผินอาจดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร และย่อมเป็นสิทธิของเขาที่จะนั่งหรืออุ้มอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น
แต่ในทางจิตวิทยา หลายครั้งเป็นภาษากายของการป้องกันทางจิตใจเพื่อให้จิตรู้สึกปลอดภัย เช่น ที่มักพบบ่อยคือคุณผู้หญิงเอากระเป๋าถือมาวางและกอดไว้บนตัก นักศึกษาที่ต้องพูดรายงานหน้าชั้นบางคนเลือกที่จะนั่งพรีเซนต์งานแบบนั่งหน้าคอมฯบนโต๊ะมากกว่าที่จะยืนพรีเซนต์หน้าห้อง หรือการขึ้นเวทีแล้วยืนหลังโพเดี้ยมแทนการยืนตรงกลางหน้าเวที
ความรู้สึกกังวล กลัว ประหม่า เป็นอารมณ์ลบที่ส่งผลให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย (insecure) และร่างกายจะพยายามชดเชย (Compensation) เพื่อให้เข้าสู่สภาวะปกติผ่านการกระทำและการแสดงออกทางร่างกายที่หลากหลาย ต่างคนต่างเหตุการณ์กันไปดังที่ยกตัวอย่างมา
สิ่งเหล่านี้คือเสน่ห์ของภาษากายที่ทำให้เราสังเกตและรับรู้ได้มากกว่าตีความจากการฟังคำที่พูด
นอกจากนี้ “หมา” ที่คุณนิกกี้เอาขึ้นมาอุ้มตลอดเกือบ 10 นาที อาจเป็นความตั้งใจที่เจ้าตัวต้องการให้บรรยากาศเป็นไปอย่างไม่เคร่งเครียด สบาย ๆ ชิว ๆ
“หมา” จึงเป็น “พร็อพ” เอามาสร้างบรรยากาศด้วยก็ว่าได้
นาที 0:41-0:46 คุณก้อยพูดว่า “(*) วันนี้ก็เลยอยากมาบอก แบบให้ทุกคนรู้ละกันว่า เออ คุยกันตกลงกันว่าเลิกกัน นะคะ (**) ซึ่งสาเหตุหลักที่ก้อยว่า เลิกกันคือ”
ในจังหวะนี้มีภาษากาย 2 อย่างที่น่าเรียนรู้
- ช่วงที่คุณก้อยพูดเกริ่นตรงประโยค “วันนี้เลยอยากมากบอก…” จะพบการใช้มือในรูปแบบของมือประกอบในท่าคว่ำมือ (Palm down gesture) การจะพบภาษากายนี้บ่อยเมื่อเจ้าตัวต้องการเน้นย้ำ หรือแสดงออกว่าจริงจังในสิ่งที่พูด ซึ่งมีความหมายแตกต่างจากการหงายมือ ชี้นิ้ว หรือ ซ่อนมือ
- หลังจากพูดคำว่า “เลิกกัน นะคะ” มือขวาของคุณก้อยก็ไปจับกับอุปกรณ์ไมค์ตรงหน้าอย่างไม่มีเหตุผล เป็นรูปแบบของมืออารมณ์ (Adaptors) ซึ่งในสถานการณ์นี้ภายในใจอาจเกิดความรู้สึกประหม่า อาย หรือ อารมณ์ประเภทลบขึ้นมาวูบหนึ่ง ทำให้เกิดกลไกการการปลอบประโลมทางจิต (Self-reassurance) ทำให้มือไปจับหรือสัมผัสสิ่งของตรงหน้า (จะเรียกว่าแทนการยึดเหนี่ยวทางจิตใจก็ได้) ทั้งหมดก็เพื่อชดเชยอารมณ์ที่มีสภาวะการผันแปรอย่างไม่ตั้งใจ (unconcious)
ตลอด VDO ทั้งคู่นั่งใกล้กันในระยะ intimate space เป็นระยะที่คนเราจะยอมให้เฉพาะคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเข้าใกล้ เช่น ภรรยา แฟน หรือคนในครอบครัวที่ใกล้ชิด ในส่วนนี้เป็นภาษากายที่สำคัญที่ช่วยยืนยันว่าทั้งคู่ยังมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน และน่าจะจริงอย่างที่ทั้งคู่บอกว่าเลิกกันด้วยดี
ตรงกันข้าม ถ้าทั้งคู่ทะเลาะกัน ไม่ชอบกัน หรือ เลิกกันด้วยความรู้สึกไม่ดี เราคาดได้ว่าลักษณะของ Personal space จะไม่ใช่ดังที่ปรากฎ
สรุป
เรื่องเลิกกันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ในเคสที่เลิกกันด้วยดีและมองหน้ากันติดอาจจะมีไม่เยอะ
จากภาษากายหลาย ๆ อย่างใน VDO (รวมถึงที่ผมไม่ได้เอามาเขียนในบทความทั้งหมด) ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่น่าจะเข้าใจกันดี และไม่ได้เลิกกันไปชนิดเกลียดชัง หรือ โกรธแค้น
ทั้งคู่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและคนรู้จักมาก และด้วยอายุที่ยังไม่เยอะผมคิดว่าจะมีอนาคตดี ๆ รออยู่อีกมากมายให้ทั้งคู่ค้นหา
ขอให้สนุกกับการเรียนรู้ครับ
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์ (หมอมด)
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น สถานการณ์อ้างอิงเพื่อใช้ในการสอนจะคัดเลือกมาจากหลายวงการ เช่น นักการเมือง นักแสดง นักร้อง นักกีฬา นักธุรกิจ และบุคคลสาธารณะที่ปรากฎในสื่อสาธารณะ เช่น ข่าว รายการโทรทัศน์ งานแถลงข่าว สัมภาษณ์ รายการในยูทูป (youtube)ทั้งในและต่างประเทศ การตีความและอธิบายภาษากายทุกอย่างเพื่อการเรียนรู้และแสดงผ่านมุมมองของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์เหล่านั้นเท่านั้น และไม่มีจุดประสงค์เพื่อหวังประโยชน์ด้านการเมือง หรือเพื่อละเมิดกับบุคคลใด กลุ่มการเมือง หรือ ศาสนาใด ทั้งสิ้น
