พิมรี่พายงานเข้าเมื่อคลินิกที่ตนเองเป็นนายทุนเกิดความผิดพลาด คือ ไปรับสมัครหมอเถื่อนมาร่วมงานโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยที่หมอเถื่อนท่านนั้นได้สวมรอยเป็นหมอท่านอื่นมาสมัครงาน หลังจากพิมรี่พายแก้ไขสถานการณ์โดยการแจ้งความและออกมาไลฟ์ขอโทษสังคม ช่วงเดียวกันก็มีโพสในโลกโซเชี่ยวของหมอขวัญที่เป็นแพทย์และเป็นเจ้าของคลินิกรายใหญ่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีของพิมรี่พาย
คลิปวีดิโอที่อยู่ด้านบนเป็นคลิปที่พิมรี่พายพูดถึงหมอขวัญและอัพเดทสถานการณ์ของตนว่าถึงไหนอย่างไร และมีประเด็นที่น่าเรียนรู้เกี่ยวกับภาษากายและการสื่อสารในสภาวะวิกฤติให้มาเรียนรู้หลายจุด
ภาษากายคือข้อมูลที่สื่อสารออกมาจากมนุษย์ทุกอย่างนอกเหนือจากคำพูดทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว จึงเป็นชุดของข้อมูลสำคัญที่สามารถใช้ตีความว่าส่วนตัวเราจะให้ระดับความความเชื่อถือกับเหตุการณ์ที่ปรากฎอย่างไรเท่านั้น การวิเคราะห์ภาษากายจึงไม่ได้มีไว้เพื่อตัดสินว่าใครโกหกหรือหลอกลวง
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์
นาที 0:41-0:51 ทั้ง 10 วินาทีนี้ ระหว่างที่อธิบายสไตล์การทำการตลาดธุรกิจคลินิกความงาม จะพบการพูดไปพร้อมหลบตาโดยมองไปทางด้านล่างซ้าย (Diminised eye contact – to lower left quardant) การพูดและหลบสายตาเช่นนี้ มักสัมพันธ์กับความกังวล ความกลัว และความผิด การพบเหตุการณ์เช่นนี้ในการวิเคาะห์ภาษากายเราควรจะตั้งคำถามควบคู่เสมอว่า ณ ห้วงเวลานั้นเจ้าตัวรู้สึกอะไรอยู่ ? นอกจากนี้จะพบการกระพริบตาที่ถี่ขึ้นอย่างมาก (increase blinking rate) สัมพันธ์กับความตื่นเต้น (Anxiety)
นาที 0:52-0:59 เป็นจังหวะที่เจ้าตัวพูดว่า “ก็..ขายได้ มึงเป็นใครคะ อีหมอของขวัญ จะมาบอกว่ากูขายไม่ได้ เป็นตำรวจหรือ ใช่ไหม” จะพบ Cluster of Body Language ดังนี้
- ก่อนเริ่มพูดพบกลืนน้ำลายก้อนใหญ่ (Hard swallowing) มักพบเวลามีอาการตื่นเต้น เครียด และหวาดกลัว จึงสัมพันธ์กับการเก็บอั้นอารมณ์ลบและจะชัดเจนและถี่มากยิ่งขึ้นตามความรุนแรงของอารมณ์ สามารถอธิบายจากการร่างกายจะลดการทำงานของระบบย่อยอาหารทำให้ลดการหลั่งน้ำลายและน้ำย่อย น้ำลายจะเหนียวและข้นทำให้ต้องพยายามกลืนน้ำลาย ในผู้ชายจะสังเกตง่ายกว่าผู้หญิงเพราะเห็นการเคลื่อนไหวของลูกกระเดือกที่ลำคออย่างชัดเจน และพบกล้ามเนื้อบริเวณคอจะมีการหดเกร็งกว่าในสภาวะปกติ ทั้งนี้จะต้องแยกออกจากความผิดปกติทางร่างกายที่เรียกว่าภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia)
- ตอนที่พูดคำว่า “อีหมอขของขวัญ” ถ้าพิจารณาจากคำพูดก็ฟังดูไม่สุภาพเท่าใดนักและอาจคิดว่าเป็นการด่า แต่ถ้าพิจารณาจากน้ำเสียงผมคิดว่าเจ้าตัวจะไม่ได้พูดด้วยความโกรธ หรือ เกลียดชังอย่างชัดเจน แต่เป็นลักษณะ “หลุดปาก” หรือที่ ซิกมัน ฟอร์ด เรียกว่า Slip of the tongue (Sigmund Freud) หรือจะสามารถอธิบายด้วยความไม่เข้ากันของความคิด (Cognitive dissonance) ก็ได้ ร่วมกับบุคลิกพื้นฐานของเจ้าตัว (Baseline personality) ที่มักใช้ภาษาแนว กูๆมึงๆซึ่งท่านใดติดตามเขาจะทราบดีกว่าเจ้าตัวพูดสไตล์นี้เป็นประจำและหลายครั้งแรงกว่านี้อีก
- ตอนท้ายสุดที่พูดว่า “ใช่ไหม” ก่อนพูดจะเหมือนสะดุดพูด หรือ หยุดพูดไปเฉยๆ (Pause) และยิ้มในลักษณะที่มุมปากไม่เท่ากัน (Asymeterical Smile) การยิ้มนี้ไม่ใช่การยิ้มแบบมีความสุข (True Smile) แต่เป็นยิ้มที่เสมือนว่ามีอะไรซ่อนอยู่ (Agenda) อาจเพราะรู้ว่าตัวว่า “หลุดปาก” ดังที่อธิบายไปข้างต้น
นาที 1:11 เจ้าตัวหยุดพูดไปชั่วคราว และนึกคำพูดอยู่จะพบว่าเขามองขึ้นมุมบนขวา (Upper right quadrant) ซึ่งเป็นการกลอกลูกตาที่สัมพันธ์กับการทำงานของสมองจากการคิดหรือสร้างภาพ (Constructing / imaging vitualizing) เพราะพูดสดและไม่ได้เตรียมสิ่งที่จะพูดหรือที่จะอธิบายไว้ก่อน เราจึงพบการอธิบายที่ไม่มีรูปแบบและหยุดพูดบ่อย (Pause)
นาที 2:05 เจ้าตัวพูดว่า “บอกหลายครั้งแล้วว่าพิมเป็นเด็ก พิมไม่มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ” พิมรี่พายเวลาขอโทษกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดจะสารภาพ (Confession) ลักษณะนี้มาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง (อีกครั้งที่ผมจำได้คือคลิปขอโทษทักษิณ) เป็นการใช้เหตุผลว่าตนเองเป็นเด็กและให้สังคมสงสารและเห็นใจ ทั้งที่ตนเอง ณ ปัจจุบันอายุเกิน 30 ปีแล้วและห่างไกลกับการนับว่าเป็นเด็กในความหมายทั่วไป และเจ้าตัวถือว่ามีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเยอะ มีฐานะทางการเงินในระดับที่ใครก็ทราบว่าร่ำรวย
จังหวะนาที 3:59 ตอนที่พูดว่า “เครียดไม่ได้นอนมาสามวัน” จะพบมือขึ้นมาจับหน้า (Touch face) มือเช็ดจมูก (Hand Rubbing nose) จะเป็นภาษากายที่พบได้บ่อยในกรณีพูดสิ่งที่ลำบากใจเพราะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ (Psychological discomfort) เช่น โกหก ปกปิด พูดความจริงไม่ครบ ทั้งนี้จะต้องแยกออกจากการสัมผัสจมูกออกจากการ เช็ด หรือ ขยี้จมูกเพราะเป็นภูมิแพ้ หรือ แพ้อากาศ รวมถึง Baseline ของผู้พูดร่วมด้วย ทั้งนี้ตลอดคลิปวีดิโอ จะเป็นจังหวะเดียวที่แสดงภาษากายนี้และเกิดขึ้นทันทีจากการบอกว่าไม่ได้นอนมาสามวัน
นาที 3:42 ตอนพูดว่า “ถ้าเหนื่อยใจมัน….” มุมปากข้างซ้ายจะเหมือนกระตุกไปข้างหลัง (Backward of left conner of the mouth) เป็นภาษากายที่เจอบ่อยในการที่จะต้องพูดเรื่องที่ลำบากใจ (Regret) เช่นการสารภาพผิด หรือ การพูดความจริงที่อึดอัดใจ เป็น Microexpression ของ Regret
สรุป
การรีบยืดอกรับสิ่งที่ผิดและรีบที่จะเข้าไปแก้ไขนั้นทำได้รวดเร็วเป็นส่วนที่น่าชื่นชม คนเราทำผิดกันได้และจะต้องเรียนรู้และแก้ไข
ทั้งนี้การสารภาพในทำนองว่าตนเองเป็นเด็ก และขาดซึ่งคุณวุฒิวัยวุฒิ อาจไม่เหมาะเป็นคำอ้างของการกระทำได้บ่อยนักโดยเฉพาะคนระดับพิมรี่พาย เพราะอายุเยอะจนเลยวัยที่บรรลุนิติภาวะมากว่าสิบปี เป็นผู้ใหญ่ที่คนชื่นชมและติดตามนับล้าน และเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมั่งคั่งและประสบการณ์ไม่ใช่น้อย
ขอให้สนุกกับการเรียนรู้
ทพ.อภิชาติ ลีนานุรักษ์ (หมอมด)
บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น สถานการณ์อ้างอิงเพื่อใช้ในการสอนจะคัดเลือกมาจากหลายวงการ เช่น นักการเมือง นักแสดง นักร้อง นักกีฬา นักธุรกิจ และบุคคลสาธารณะที่ปรากฎในสื่อสาธารณะ เช่น ข่าว รายการโทรทัศน์ งานแถลงข่าว สัมภาษณ์ รายการในยูทูป (youtube)ทั้งในและต่างประเทศ การตีความและอธิบายภาษากายทุกอย่างเพื่อการเรียนรู้และแสดงผ่านมุมมองของผม ว่าผมมีความเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์เหล่านั้นเท่านั้น และไม่มีจุดประสงค์เพื่อหวังประโยชน์ด้านการเมือง หรือเพื่อละเมิดกับบุคคลใด กลุ่มการเมือง หรือ ศาสนาใด ทั้งสิ้น